f
title
สำนักงานทางหลวงที่ 2 (แพร่)
Office of Highways 2 (Phrae)
วิสัยทัศน์ : งานทางได้มาตรฐาน การบริการประทับใจ สะดวกปลอดภัยทุกเส้นทาง
 
ข่าวสารทางหลวง
title
อธิบดีกรมทางหลวง รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยผู้บริหารกรมทางหลวงและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือแนวทางร่วมกันในการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

วันนี้ (10 พ.ย. 66) นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยผู้บริหารกรมทางหลวงและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือแนวทางร่วมกันในการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ กทม. ได้เตรียมแผนการแก้ไขปัญหาในระยะเริ่มต้นจะบูรณาการร่วมกัน โดยกรมทางหลวงจะให้การสนับสนุนหน่วยเครื่องชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ (Spot Check) มาใช้ในการสุ่มตรวจสอบและจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งแนะนำวิธีการใช้งานเครื่องชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ให้กับเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร ในระยะเวลา 1 เดือน โดยเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร กรมทางหลวง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะบูรณาการเชิงป้องกันร่วมกัน ณ ห้องประชุมมนัส คอวนิช กรมทางหลวง ถ.ศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร
title
รมว. คมนาคม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารกรมทางหลวง เน้นย้ำการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ พร้อมเร่งรัดการเปิดใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 6 สายบางปะอิน – นครราชสีมา

วันนี้ (11 ตุลาคม 2566) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และคณะฯ ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการบริหารงานให้แก่กรมทางหลวง โดยมีนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง และคณะผู้บริหารกรมทางหลวง ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมมนัส คอวนิช กรมทางหลวง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการบริหารงานให้แก่กรมทางหลวง “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงคมนาคมและยุทธศาสตร์สำคัญ ๆ ของประเทศ โดยในส่วนของภารกิจกรมทางหลวง ได้มอบนโยบายในด้านการพัฒนาโครงข่ายทางถนนที่ส่งเสริมระบบการเกษตร การท่องเที่ยว การค้า การลงทุนแหล่งอุตสาหกรรม การลดอุบัติเหตุทางถนน และการบูรณาการคมนาคมขนส่งในทุกมิติในการเชื่อมต่อการเดินทางกับ ท่าอากาศยานระบบ ล้อ-ราง-เรือ สำหรับการดำเนินการของกรมทางหลวงที่จัดเป็นแผนเร่งด่วนคือ โครงการที่มีสัญญาอยู่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจำเป็นต้องเร่งรัด กำชับ ติดตาม ให้ดำเนินการแล้วเสร็จ เพื่อเปิดให้บริการแก่พี่น้องประชาชนได้โดยเร็วได้แก่ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน – นครราชสีมา, โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี, โครงการทางยกระดับบนถนนพระราม 2 และทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 82 สายบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว, โครงการพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิตและโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 ในส่วนโครงการระยะกลาง ระยะยาว ที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป อาทิ โครงการพัฒนาทางหลวงพิเศษ ระหว่างเมืองสายใหม่ที่ต้องเร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้มีการลงนามสัญญาก่อสร้างได้ทันภายในรัฐบาลนี้ ได้แก่ โครงการส่วนต่อขยายทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ หรือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 5 สายรังสิต – บางปะอิน, การปรับปรุงศักยภาพที่แยกบางปะอินซึ่งเป็นจุดตัดของทางหลวงและทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายสำคัญหลายสาย, โครงการปรับปรุงถนนวงแหวนรอบนอกหมายเลข 9 ฝั่งตะวันตก, โครงการถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพรอบที่ 3 ฝั่งตะวันออก ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของวงแหวน MR10 ในอนาคต, โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข8 สายนครปฐม – ชะอำ และโครงการติดตามผลการศึกษา (MR – MAP) MR2 ช่วงแหลมฉบัง – นครราชสีมา รวมทั้งจะดำเนินการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บเงินบนมอเตอร์เวย์ด้วย นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงพร้อมดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม โดยโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ของกรมทางหลวงจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคม ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การเดินทางมีความคล่องตัวและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นทั้งคนและการขนส่งสินค้า นอกจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แล้ว กรมทางหลวงยังได้มีกิจกรรมก่อสร้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยและการลดอุบัติเหตุบนทางหลวง ได้แก่ การปรับปรุงบริเวณจุดเสี่ยง, การปรับปรุงทางแยกวัดใจต่าง ๆ, การปรับปรุงตีเส้นจราจร, การปรับเปลี่ยนป้าย, การติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง, การติดตั้งราวกันอันตรายข้างทาง และการปรับปรุงผิวจราจรด้วย #111ปีกระทรวงคมนาคมสร้างสุขทุกการเดินทาง
title
“สุรพงษ์” ลงพื้นที่ติดตามการกู้ขบวนรถไฟตกราง สั่งการเร่งซ่อมแซมทางรถไฟที่เสียหาย ช่วงสถานีแก่งหลวง - บ้านปิน อำเภอลอง จังหวัดแพร่ คาดจะซ่อมแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเดินรถสายเหนือได้ตามปกติวันนี้ (1 ตุลาคม 2566) เวลา 18.00 น.

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางลงพื้นที่สถานีแก่งหลวง - บ้านปิน อำเภอลอง จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 สำนักงานทางหลวงที่2(แพร่)โดย ผส.ทล.2 มอบหมายให้ นายวสันต์ ติ๊บบุญศรี วผ.ทล.2 ร่วมต้อนรับและให้การสนับสนุนตลอดภารกิจโดยมี นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายพิเชฐ คุณาธรรมารักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และผู้บริหารการ รฟท. เพื่อติดตามและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในการกู้ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ ที่เกิดตกราง และการดำเนินการซ่อมแซมทางรถไฟที่ชำรุดเสียหายจากเหตุน้ำท่วม เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการอย่างปกติโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการขบวนรถสายเหนือ เป็นปกติได้อีกครั้งในช่วงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 1 ตุลาคม 2566 พร้อมกำชับนายสถานีทุกพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศติดตามสถานการณ์น้ำ และแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสมนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่กำชับให้เร่งดูแลผู้โดยสารที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุน้ำท่วมและรถไฟตกราง โดยให้เร่งปรับปรุงทางรถไฟที่เสียหายให้กลับมาเปิดใช้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ฝ่ายการช่างกล รฟท. ได้เร่งดำเนินอย่างต่อเนื่อง ในยกรถที่ตกรางเพื่อไม่ให้กีดขวางการเดินรถ และฝ่ายการช่างโยธาได้เข้าดำเนินการเร่งปรับปรุงสภาพทางที่ได้รับความเสียหายเพื่อให้สามารถเปิดการเดินรถสายเหนือได้ภายในวันนี้ (1 ต.ค. 66) เวลา 18.00 น. พร้อมกำชับให้ รฟท. ดูแลผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 ตกราง โดยให้จัดบริการอาหารและน้ำดื่ม พร้อมกับจัดรถบัสขนถ่ายผู้โดยสาร อำนวยความสะดวกในการเดินทางไปยังสถานีต่าง ๆ ให้เกิดความรวดเร็วและปลอดภัย ขณะเดียวกันได้ให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมกำชับให้ รฟท. ระดมสรรพกำลัง ทั้งอุปกรณ์เครื่องมือ และกำลังเจ้าหน้าที่ในการซ่อมแซมทางที่ชำรุดให้เสร็จโดยเร็วที่สุด และหากเกิดปัญหาติดขัดอันใด ก็ขอให้รีบแจ้ง เพื่อให้สามารถดำเนินการสั่งการแก้ไขปัญหาได้โดยทันทีทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ รฟท. รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ การกู้ขบวนรถไฟที่ตกรางอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแก้ปัญหาการเดินทางให้ผู้โดยสารในขบวนรถที่ตกค้างทุก ๆ 6 ชั่วโมง จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ เนื่องจากความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแล ตลอดจนให้มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเดินรถให้ประชาชนรับทราบทันที เพื่อให้วางแผนการเดินทางได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งได้สั่งการให้ รฟท. เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ฝ่ายการช่างโยธา และนายสถานีทุกพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศติดตามสถานการณ์น้ำและปริมาณฝนตกอย่างใกล้ชิด โดยให้เฝ้าระวังเพื่อประเมินและแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม ตลอดจนให้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ มาตรการด้านความปลอดภัย อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยในการเดินทางแก่ผู้โดยสารให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ซื้อตั๋วโดยสารไว้ล่วงหน้าในเส้นทางที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หากไม่ประสงค์เดินทางสามารถติดต่อขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารได้เต็มจำนวน ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ รฟท. โทร. 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
ภาพกิจกรรม